ทัวร์ก๊าบๆ มินิซีรีย์ ...บทเรียนจากทริปครึ่งทวีป Outback Australia 2013
ตอนที่2 การวางแผนเดินทาง (ต่อ)
บทความนี้มาช้านิดนึง ต้องขอโทษด้วยน่ะครับ เพราะช่วงนี้ต้องเริ่มตระเวนดูรถที่จะซื้อมาใช้ในทริป วิ่งตามหากันกระจาย งบตอนแรกบอก 3 พันเหรียญ ดูไปดูมาไม่น่าจะรอดเลยลองเพิ่มงบแล้วหาดูใหม่ก็ยังไม่ได้ซักที ฮ่าๆ แต่จะพยายามครับ เพราะว่าถ้ารถพังกลางทาง ทริปก็ล่มอีกเหมือนครั้งที่แล้ว คราวนี้เลยขอเอาชัวร์ๆ หน่อย
.
อ่ะๆ มาต่อกัน จากบทความตอนที่แล้วหลังจากที่พวกเราได้แบ่งหน้าที่ไปหาข้อมูลหลายแล้วเอามาประกอบขึ้นจนเป็นรูปเป็นร่างคร่าวๆ ของทริป Outback คือแบบว่าวางแผนกันอลังการงานสร้างมาก ทั้งเรื่องข้อมูลการเดินทาง เส้นทาง กฏระเบียบข้อมห้ามต่างๆ คือต่างคนต่างทำการบ้านมาดีมาก
.
แต่สุดท้ายแผนที่พวกเราทำการบ้านมาทั้งหมดแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ผิดแผนตลอด หลงทางตลอด เส้นทางไม่เป็นอย่างที่คิด ที่พักแรมที่ดูไว้พอไปเจอจริงๆ ก็ไม่เป็นแบที่คิดไว้ โลเคชั่นไม่โอเคก็ตะลอนหาไปเรื่อย กฏข้อห้ามต่างๆ ที่คิดว่าแม่น โดนดอกแรกจังๆ ที่โดนยึดผักไม่ให้เอาข้ามรัฐหมดเสบียงที่มีแผนเปลี่ยนอีก....แบบว่าชีวิตช่วงนั้น รันทดมาก
.
เลยประชุมกันว่า เฮ้ย! พอเถอะ แผนเผินแมวขี้เรื้อนบ้าบออะไร พังยับตั้งแต่วันแรก 55
หลังจากนั้นพวกเราเลยลงมติกันว่า ก็ใช้สัญชาติญานกากๆ ของพวกเราที่มีคือไปเรื่อยๆ นี่แหละ อย่าคิดมาก หิวที่ไหนก็ทำมันกินที่นั่น อยากเข้าห้องน้ำห้องท่า ก็จัดมันโล่งๆ ชมวิวกันไป ใกล้ค่ำเจอตรงไหนที่น่านอนหน่อยก็นอนๆ ไป ถ้าไม่มีที่นอนก็นอนในรถเอา ก็อย่างที่เพื่อนๆ ได้ดูแหละครับ
.
สรุปเออ พอมันไม่มีแผนเลยไม่ต้องดูแผนไง ไปเรื่อยๆ สมองโล่งดี นั่งคุยกันไป ชมวิวไป อยากจอดที่ไหนก็จอด อยากดูที่ไหนก็ดู อยากเล่นที่ไหนก็เล่น ไม่ต้องมาจดๆ จ้องๆ กับสคริปการเดินทางกากๆ ที่วางแผนไว้ชอบล่ม แล้วผลที่ได้ "มันเวิร์คว่ะ" ที่ว่าเวิร์คมันคืออะไร ยกตัวอย่างเวลาที่พี่บาสถามทาง
.
พี่บาส "เฮ้ยวุธไปทางไหน ซ้ายหรือขวา"
พี่วุธ "ไม่รู้ซิ กูคิดว่าซ้าย น่าจะซ้าย"
พี่บาส "เออ งั้นกูไปขวาแล้วกัน"
พี่วุธ "ถามเพื่อ?"
.
แบบว่าพี่บาสเชื่อสัญชาติญานของพี่วุธไง มันบอกไปซ้ายแสดงว่าแม่งต้องมีหลงแน่ๆ งั้นเลือกทางที่ตรงข้ามกับมันตัดสินใจจะดีกว่า บร๊าาาาาา ไม่ช่ายยยย....
.
จริงๆ ก็ถามไปอย่างงั้นแหละครับ ถามไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่ถามเพื่อให้มีส่วนร่วมรับผิดชอบช่วยกันว่าไอ้ที่พาๆ กันหลงน่ะ รับรู้แล้วน่ะถ้าไปผิดทางก็ไปด้วยกัน เพราะต่างคนก็ไม่รู้อะไรเลยข้างน่าเลย พากันไปตามบุญตามกรรมจริงๆ
.
แต่คราวนี้ที่อยากจะมาขยายความว่าเวลาเดินทางแบบไม่มีแผนมันดียังไง คืออยากให้เพื่อนๆ จินตนาการตามไปน่ะครับว่า
.
นั่งรถไปด้วยกันคลื่นโทรศัพท์ไม่มี แบตก็หมดกันทุกคน มีแต่เสียงเครื่องยนต์กับวิวข้างทางกว้างๆ สุดลูกหูลูกตา มีแต่เพื่อนที่คอยคุยเรื่องนั่นเรื่องนี้ไม่ให้กันเหงา มโนเรื่องอนาคตให้กันฟัง เล่าเรื่องความหลังเก่าๆ ถึงตอนเย็นก็นั่งทำกับข้าวด้วยกัน กินอิ่มเสร็จแบกเก้าอี้ถือเบียร์ไปต่อที่เนินเขา คุยแผนคร่าวว่าพรุ่งนี้พวกเราจะเอายังไงระหว่างดูพระอาทิตย์ตกดิน
.
พวกเรากล้าบอกได้เลยว่าสิ่งที่ได้ทำลงไปนั้น ณ ตอนนั้นเราไม่รู้หรอกว่ารู้สึกยังไง ก็แค่สนุกเอ็นจอยไปกับมันเฉยๆ แต่พอมันผ่านพ้นมาซักระยะนึงแล้วนึกย้อนไปถึง ณ เวลานั้น บอกให้เลยว่านึกถึงทีไรหัวใจมันสูบฉีด ขนลุก อะดีนารีนหลั่งใหล มีเงินเป็นล้านก็เอาไปซื้อความรู้สึกแบบนั้นได้
.
ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาศลองทำดูน่ะครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่เมืองนอกก็ได้ แต่เป็นที่ๆ เราอยากไปกับคนๆ ที่เราอยากไป พวกเราเชื่อว่าความสุขที่จะได้รับมันไม่ต่างกันหรอกครับ
.
สุดท้ายนี้ก่อนจบบทความเรื่องการวางแผนพวกเราซึ่งพวกเราก็ได้บทเรียนอย่างหนึ่งที่ว่า การใช้หัวใจและสัญชาตญานของตัวเองในการเลือกทางเดินของตัวเองนั้น เรามีสิทธิ์ใช้มันเต็มที่ได้เสมอ แผนบางแผนที่คิดว่าถูกมันอาจจะใช้ได้ดีสำหรับบางกรณี สำหรับบางคน แต่บางครั้งมันก็ไม่เสมอไป
.
ก็เหมือนชีวิตคนเรานี่แหละครับ สิ่งที่ถูกออกแบบว่ามันควรจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ บางทีมันควบคุมไม่ได้หรอก มันก็มีทั้งทุกข์ ทั้งสุข ปะปนกันไป แต่ตัวเราเองต่างหากที่จะต้องปรับเปลี่ยนอย่างไรให้อยู่กับมันได้ อย่างเวลาที่เราทุกข์ก็หาวิธีทำยังไงก็ได้ให้อย่าให้มันทุกข์มาก แต่ตอนสุขก็ให้รีบกอบโกยเก็บเป็นทุนให้ชีวิต เผื่อวันไหนที่ความทุกข์กลับเข้ามาอีก ก็ให้มองกลับไปในช่วงเวลาดีๆ เหล่านั้นให้มาช่วยบรรเทาเบาบางไป
แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ เพราะชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป